วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สอบ A1 เยอรมัน

                      วันนี้เป็นวันที่ 21 พฤษภาคม 2555  ซึ่งเป็นวันสอบภาษาเยอรมันพื้นฐาน หรือเรียกว่า A1  ที่สถาบันสอนภาษาเกเธ่ ถนนสาทร จากการที่เราเตรียมตัวมาได้สักพักใหญ่ๆ เสียน้ำตา (เพราะไม่ค่อยเข้าใจ และท้อแท้) และน้ำลาย (ต้องนั่งท่องศัพท์  ท่องเพศ ท่องประโยค สารพัด) ไปก็เยอะ วันนี้แหละ จะได้รู้กันล่ะว่าจะหมู่หรือจ่า จะสอบได้หรือว่าจะไม่ได้  เราออกจะตื่นตะหนก และประหม่าพอสมควร ประกอบกับเพิ่งกลับมาจากประเทศเยอรมันได้ไม่กี่วัน ( 13 วันเอง ) ยังปรับเวลาการนอนไม่ค่อยได้ กลางวันง่วงนอนแต่ต้องนั่งอ่านหนังสือ กลางคืนได้เวลานอน ก็ดันนอนไม่หลับ กว่าจะหลับก็เล่นเอาตอนรุ่งเช้า ตี5  6 โมง ทุกวัน วันนี้ก็เช่นเดียวกัน กว่าจะเคลิ้มหลับได้ก็ตอนตี 5 กว่า แต่ดันต้องตื่น 6 โมงเช้า โอ้ ( แต่ก็ตื่นไหว เพราะเนื่องด้วยจ่ายค่าสมัครสอบไปเรียบร้อยแล้ว 2,500 บาท ถ้าไม่ไปสอบ ก็เสียดายตังค์แย่น่ะซิ) ไปถึงสถานที่สอบประมาณเกือบ 8 โมง เราก็หาที่นั่งทบทวนสิ่งต่างๆ ที่เราได้เรียนมา แต่ว่าอ่านไปท่องไปก็ไม่ค่อยเข้าหัวแล้ว เพราะมันใกล้ถึงเวลาสอบเข้าไปทุกที  การสอบแบ่งเป็น 4 ส่วน คือ การฟัง การอ่าน การเขียน  และการพูด
                      ได้เวลาสอบ 9.30 น. เราสอบห้องที่ 2 อาจารย์คุมสอบ ดูท่าทาง เอ๋อๆ โหดๆ ยังไงบอกไม่ถูก ( เป็นอาจารย์คนไทยเชื้อสายจีน อายุน่าจะเยอะแล้วเนื่องจากมีผมหงอกพอสมควร เห็นคนบอกว่าชื่ออาจารย์ม... (ไม่พูดชื่อดีกว่า อิอิ)  ไม่แน่ใจว่าใช่หรือป่าว เพราะเราไม่เคยเรียนที่เกอเธ่ ) เมื่อคนสอบเข้าห้องครบ อาจารย์คุมสอบก็ทำการแจกข้อสอบ เรานั่งหลังสุด (เนื่องจากชอบเป็นการส่วนตัว อิอิ ) แอร์ก็จะไม่ลง  ก็จะได้ไม่หนาวมาก  แต่เราว่ามันออกจะซวยนิดๆ เพราะเวลาอาจารย์คุมสอบเปิดเทปให้ฟัง  เราฟังไม่ค่อยถนัดเลย เพราะว่าอยู่ไกล แถมลำโพงวิทยุ ก็ดันหันไปหาอาจารย์คุมสอบ (ไม่รู้เอาอะไรคิด ทำไมไม่หันลำโพงไปหาคนสอบ ปกติเราฝึกฟังด้วยการใช้หูฟังเสียบรูหู เพื่อจะได้ฟังชัดๆ เรายังฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่อง แล้วนับประสาอะไรกับการฟังจากลำโพงไกลๆ เฮ้อ... สงสารตัวเองมาก อารมณ์นั้นอยากร้องไห้จรีงๆ  ) ปรากฏว่า การสอบฟังของเรา คงหมดหวัง ท่าทางจะได้คะแนนเพียงเล็กน้อย  เพราะเราทำข้อสอบด้วยการเดาซะเป็นส่วนใหญ่   ส่วนการสอบอ่าน เราคิดว่าเราทำได้ดี   การสอบเขียน  โจทย์ข้อสอบเขียน คือเราต้องการจะไปเที่ยวที่เบอร์ลินกับครอบครัว  ตามโจทย์จะต้องเขียนบอกราย ละเอียดว่า ไปกี่คน ไปเมื่อไหร่ ถึงเมื่อไหร่ ถามถึงราคาค่าที่พัก  เราคิดว่าเราทำข้อสอบเขียนได้ดีเช่นกัน แต่พอออกมานอก ห้องแล้วได้คุยกับคนอื่นๆ ถึงได้รู้ว่าเราพลาดไปนิดนึงตรงที่จดหมายเป็นทางการต้องใส่ชื่อและนามสกุล ตรงท้ายจดหมาย แต่เราดันใส่แต่ชื่อ  เสียดายจัง แต่เพื่อนที่สอบห้องเดียวกัน ที่เค้าเรียนที่เกอเธ่บอกว่าคงโดนหักคะแนนเพียงเล็กน้อย ( ก็ขอให้เล็กน้อยจริงๆ ด้วยเถอะ)   มาถึงช่วงพักเบรค ต่อไปก็เป็นการสอบพูด
                         12.30 น. ได้เวลาสอบพูด เราเป็นคนสอบลำดับที่ 15 อยู่กลุ่มที่ 3 ( 1 กลุ่มมี 4 คน )   เราสอบพูดเป็นคนที่ 3  เริ่มการสอบพูดด้วยการพูดแนะนำตัวเอง บอกชื่อ นามสกุล  อายุ  มาจากไหน  พักอยู่ที่ไหน อาชีพอะไร งานอดิเรกคืออะไร  และก็ให้เราสะกด (แล้วแต่เค้าต้องการ ซึ่งอาจจะให้เราสะกด ชือ หรือ นามสกุล) นามสกุล และให้บอกหมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งส่วนใหญ่ทุกคนในกลุ่มจะพูดได้หมด  ต่อไปก็เป็นการสอบพูดตั้งคำถามตามบัตรคำ ในแต่ละหัวข้อ กลุ่มเราได้หัวข้อ ร่างกายและสุขภาพ  (ซึ่งอาจารย์คุมสอบ (มี 2 คน ไทย และเยอรมัน ) คนไทยเป็นคนเลือก ) เราจับได้คำว่า rauchen  (คำแรกก็เป็นเรื่องเลย) ซึ่งเราจำได้ว่ามันแปลว่า สูบบุหรี่ เราก็ถามด้วยความมั่นใจว่า Sind Sie rauchen?  อาจารย์คุมสอบ ( ใยป้าคนเดิมที่คุมสอบช่วงแรก) บอกไม่ใช่ พูดใหม่อีกที  เราก็ยังดันทุรังและถามไปเหมือนเดิมอีก  เพราะจำได้ว่าศัพท์คำนี้มันแปลว่าสูบบุหรี่ เราต้องการถามว่า คุณสูบบุหรี่หรือไม่ ใยป้าคุมสอบก็ยังบอก ให้ถามใหม่อยู่นั่นแหละ เรางงมากว่าทำไมถึงผิด ทำไมถามแบบนั้นไม่ได้ ( ตอนนั้นยังไม่รู้ตัว) เลยย้อนถามใยอาจารย์คุมสอบไปว่า คุณช่วยอธิบายหน่อยได้ไม๊คะว่าคำนี้คืออะไร มันแปลว่าสูบบุหรี่ไม่ใช่เหรอคะ  (ในเวบส์ไซด์ไกด์ไลน์การสอบของเกอเธ่ บอกว่า ถ้าไม่เข้าใจความหมายของบัตรคำให้ถามความหมายกับผู้คุมสอบได้ เราก็เลยถามใยป้าคุมสอบไปแบบนั้น)  แต่ใยป้าดันไม่ยอมตอบ   กลับส่ายหน้าแล้วเอาบัตรคำคืนไป แป่ว!!! งง ทำไมใยป้าไม่ตอบวะ แล้วก็กลายเป็นว่าเราไม่ได้คะแนนในคำนี้ เพราะถือว่าตั้งคำถามไม่ได้   (สุดท้ายแล้วเราก็เลยต้องยอมรับคำตัดสินของใยป้าคุมสอบไปด้วยความงุนงง  พอสอบเสร็จ เรามาดูสมุดโน๊ตที่จดไว้ คำนี้มันแปลว่าสูบบุหรี่จริงๆด้วย  แต่ Sind Sie rauchen? มันแปลว่า คุณคือสูบบุหรี่ใช่ไหม ไม่ได้หมายความว่าคุณสูบบุหรี่หรือไม่ อืม พลาดไปนิดเดียว )  ต่อมาจับได้คำว่า Hotel  เราก็ตั้งคำถามว่า  Möchte Sie im Hotel  übernachten? แปลว่าคุณต้องการพักที่โรงแรมใช่ไม๊ (พูดจบก็ต้องมองหน้าใยป้าคุมสอบ ถ้าเขาไม่พูด noch einmal  (พูดใหม่อีกครั้ง) ก็แสดงว่าเราพูดถูกต้อง ก็จะได้คะแนนไป ปรากฏว่าใยป้าแกเงียบ เราก็เลยได้คะแนนคำนี้ไป ) แล้วก็วนมาที่เราอีกครั้ง เราจับได้ (รูปภาพ) คำว่า Formular เราก็ตั้งคำถามไปว่า  Könnten Sie mir bitte das Formular geben? แปลว่ากรุณาช่วยส่งแบบฟอร์มให้ดิฉันหน่อยค่ะ (ใยป้าคุมสอบเงียบอีก แสดงว่าเขาให้ผ่านเราก็ได้คะแนนไปอีก)
                             ในกลุ่มสอบพูดของเรานี้ ดูจะไม่มีใครได้เรื่องเลยสักคน  ตั้งคำถามกันไม่ค่อยได้ (เราพลาดน้อยสุดแค่ตั้งคำถาม คำว่าบุหรี่ไม่ได้คำเดียว นอกนั้นได้หมด อิอิ ) อาจารย์คุมสอบ ส่ายหน้าเอือมระอากลุ่มเราหลายต่อหลายครั้ง  เห็นแล้วก็ขำ ไม่รู้ว่าขำอะไร หรือขำใคร แต่ดูเหมือนรู้สึกสงสารในชะตากรรมของตัวเองและของเพื่อนๆ ในกลุ่มยังไงบอกไม่ถูก .... ตอนนี้ก็ได้แค่รอผลสอบ (ด้วยใจตุ๊มๆ ต้อม) ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ... รอ 3 วัน ก็แค่อึดในเดียวเน๊อ
ปล. ต้องขอขอบคุณน้องวัน ที่เอื้อเฟื้อหนังสือเรียนให้ ขอบคุณมากกกๆ นะค้าๆๆๆ  และก็ต้องขอขอบคุณ ติวเตอร์ส่วนตัว (คุณแฟน)  ( ที่บางครั้ง อธิบายลึกซึ้ง จนเรางุนงง  ) ที่แม้ยามงานยุ่ง ก็ยังเจียดเวลาอธิบายความหมายทุกครั้งที่ถาม  love you joob joob :)

ต้องท่องและจำให้ได้ทั้งหมด ... จำได้ไม่หมด แต่ก็เกือบหมด (แต่แหม มันเยอะนี่ ก็ต้องมีลืม ๆ กันบ้างละ)

ผลสอบออกแล้ว ได้ 88 /100 ^_^

6 ความคิดเห็น:

  1. เพื่อนคนไหนที่สอบผ่าน a1 แล้วพอจะมีหนังสือกับแนวข้อสอบหลงเหลืออยู่บ้าง รบกวนอนุเคราะห์เพื่อนคนนี้หน่อยนะคะ ซื้อต่อมือสองไม่ว่ากัน เพราะหาซื้อมิได้จริงๆ

    ตอบลบ
  2. กำลังเรียนภาษาเยอรมันแบบเริ่มจากศูนย์เลยคะยากมากเครียดทุกวัน

    ตอบลบ
  3. กำลังเรียนภาษาเยอรมันแบบเริ่มจากศูนย์เลยคะยากมากเครียดทุกวัน

    ตอบลบ
  4. คุณแอนนาเข้าให้กำลังใจคะกำลังเริ่มเรียนเหมืนกัน

    ตอบลบ
  5. เคยสอบใด้a1ปี2012 ตอนนี้จะกลับมาติวสอบใหม่ก้อยังไม่มั่นใจเลย🙄🙄

    ตอบลบ
  6. ตอนนี้กำลังเรียนภาษาเยอรมันA1อยุ่ค่ะยากมากเครียดตลอดเลยไม่รุ้จะสอบผ่านหรือป่าว นี้ขอเรียนช้ำ1.2ด้วยไม่เข้าใจเลย

    ตอบลบ