วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Visitor Visa ครั้งแรกของการยื่นวีซ่าเยื่ยมเยียน

                    ณ 23.08.2012 เราไปยื่นวีซ่าเยี่ยมเยียน ณ สถานทูตเยอรมัน โดยจองคิวได้ตอน 10.30 น. ออกจากบ้านตั้งแต่ 8.00 น. เราเดินทางโดยข้ามเรือไปสาธุประดิษฐ์ นั่งรถไปครองเตย แล้วต่อรถไปสาทร รถติดตลอดเส้นทาง แถมแดดร้อนได้ใจจริงๆ ร้อนมาก ไปถึงสถานทูตประมาณ 9.30 น. หลังจากตรวจกระเป๋า ยึดโทรศัพท์มือถือ พวงกุญแจ และร่มไป เราก็เข้าสู่ด้านในของสถานทูตเพื่อทำการยื่นวีซ่า แต่ด้วยความที่เราโง่ หรือเขาไม่มีสัญลักษณ์ชัดเจนก็ไม่ทราบ เราเดินเลยเคาท์เตอร์ที่ยื่นบัตรคิวไปถึงด้านในที่เขียนโปสเตอร์ขนาดใหญ่ A4 ว่า กรุณานั่งรอเรียกชื่อ
                   เราเดินไปยังป้ายโปสเตอร์นั้นแล้วก็ถามเจ้าหน้าที่ว่า ดิฉันต้องการมายื่นวีซ่าต้องทำยังไงบ้างคะ พร้อมยื่นกระดาษที่เราจดโค้ดที่ได้รับจากการจองคิวผ่านระบบคอลเซ็นเตอร์ของ สถานทูต  เจ้าหน้าที่ชายคนนั้นบอกว่าให้เราไปยังเคาน์เตอร์ด้านหน้า เราก็ถามว่าเคาน์เตอร์ไหน เจ้าหน้าที่ก็ตอบมาว่า ที่มีผู้หญิงนั่งอยู่ ซึ่งเราดูตามที่เจ้าหน้าที่คนนั้นชี้ เราก็เห็นว่ามันมีแค่เคาน์เตอร์เดียว ซึ่งดูเหมือนจะเป็นแค่โต๊ะเขียนหนังสือตัวเดียว ไม่น่าจะเรียกเคาน์เตอร์ได้ แต่เราก็ทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่คนนั้น
                   พอเราเดินไปถึงโต๊ะเคาน์เตอร์นั้น ก็มีผู้หญิง 3 คนนั่งรอคิวอยู่ที่เก้าอี้ข้างๆโต๊ะ เราก็เข้าไปนั่งเป็นคิวที่ 4 แต่ด้วยความสงสัยว่าทำไมเคาน์เตอร์รับยื่นวีซ่าถึงห่วยแตก เป็นแค่โต๊ะทำงานตัวเดียวเท่านั้น และก็มีป่ายเขียนบอกราคาของค่าจ้างรับกรอกฟอร์มการขอวีซ่า ชุดละ 180 บาท เราจึงถามผู้หญิงที่นั่งข้างๆ ว่า ขอโทษนะคะ ที่นี่รับยื่นวีซ่าหรือป่าวคะ  ผู้หญิงคนนั้นตอบกลับมาว่า ไม่ใช่ค่ะที่นี่เขารับจ้างกรอกฟอร์ม เราก็ตกใจนิดๆ ( จริงๆไม่ได้ตกใจหรอก โมโหนิดๆ กับไอ้เจ้าหน้าที่คนนั้น ไหงบอกให้เรามาเคาน์เตอร์นี้วะ จะว่าเข้าใจผิดก็ไม่น่าเป็นไปได้เพราะเค้าบอกว่าเคาน์เตอร์ที่ผู้หญิงหนั่ง อยู่ก็มีแค่ไอ้เคาน์เตอร์โต๊ะเขียนหนังสือนี้ที่เดียว) แล้วผู้หญิงคนนั้นก็บอกต่อว่า เราต้องไปยื่นที่เคาน์เตอร์ข้างๆทางเข้าเพื่อขอรับบัตรคิว  หลังจากขอบคุณผู้หญิงคนนั้น เราก็กลับไปที่เคาน์เตอร์ตรงทางเข้า แล้วก็เอากระดาษที่เราจดโค้ดการจองคิว ไปให้เขาเพื่อให้เค้าออกบัตรคิวให้ โดยบัตรคิวจะระบุเคาน์เตอร์ที่เราจะต้องไปยื่นเอกสารซึ่งเราได้เคาน์เตอร์ 13
                   วันนี้คนขอวีซ่าเยอะ (หรืออาจจะปกติก็ไม่แน่ใจเพราะเพิ่งมาขอวีซ่าที่นี่เป็นครั้งแรก) ทุกเคาน์เตอร์มีคนนั่งรออยู่ประมาณ 4-6 คน เรานั่งรถด้านนอกประมาณ 45 นาที พอเวลา10.30 น. ก็ถึงคิวเราได้เข้าไปยื่นเอกสาร ณ เคาน์เตอร์ 13 ซึ่งแต่ละเคาน์เตอร์จะมีประตูกระจกกั้นไม่ให้บุคคลภายนอกได้ยินการสนทนา แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะพูดผ่านไมค์โครโฟนก็ตาม นอกจากจะโฟนออกมาให้ได้ยินกันทั่วสถานทูต เจ้าหน้าที่เป็นผู้ชาย (ไม่แน่ใจชายแท้หรือป่าว อิอิ) แต่ดูท่าทางไม่น่ากลัวเหมือนใย เคาน์เตอร์ 12 ( หน้าตาคุณเธอก็ดีนะ แต่ว่าคุณเธอวีน คนขอวีซ่าเรื่องอะไรสักอย่างเสียงแข็ง และดัง (เหมือนว่าคนที่ขอวีซ่าไม่เข้าใจที่ใยนั่นพูดก็เลยเปิดประตูเข้าไปถาม อีกรอบ คนภายนอกเลยได้ยินการสนทนาของเคาน์เตอร์ 12) เราไม่ชอบเลยกับการแสดงกิริยา น้ำเสียงแบบนั้น การทำงานบริการ น่าจะทำงานด้วยหน้าตายิ้มแย้ม แต่ก็นะ คงมีแค่งานบริการของสถานทูตเนี่ยแหละ ที่เราลูกค้า (คนขอวีซ่า) ต้องแทบกราบเจ้าหน้าที่ของสถานทูตเพื่อให้ได้วีซ่า
                        เจ้าหน้าที่รับเอกสารไปก็ตรวจสอบด้วยความคล่อง แคล่ว  เอกสารได้แก่ แบบฟอร์มขอวีซ่าพร้อมติดรูปให้เรียบร้อย + รูปอีก 1 ใบ, พาสปอร์ต +สำเนาพาสปอร์ต, สำเนาวีซ่า, สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาตั๋วเครื่องบิน, สำเนาประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ, จดหมายรับรองตัวเอง ( เราไม่ได้ทำงานแล้วเลยเขียนจดหมายบอกถึงว่าทำไมตอนนี้ไม่ได้ทำงาน และเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องกลับเมืองไทยหลังจากไปเยอรมันคราวนี้) , สมุดธนาคาร + สำเนาเงินฝากย้อนหลัง 6 เดิอน,หนังสือเชิญตัวจริงและสำเนา ( เจ้าหน้าที่เอาเฉพาะสำเนาไป), จดหมายที่แฟนเขียนแสดงความสัมพันธ์ และต้องการเชิญเราไปประเทศเยอรมัน , สำเนาพาสปอร์ตคนเชิญ (คือแฟน), สำเนาทุกหน้าที่สแตมป์ว่าแฟนเคยมาเมืองไทย, แบงค์สเตทเมนท์ของแฟน, หลักฐานเพิ่มเติมของเราเช่น วุฒิการศึกษา , ประกันสังคม, รูปถ่ายคู่กันของเรากับแฟน ( แต่เจ้าหน้าที่ไม่เอาเลย พวกเอกสารเพิ่มเติมเหล่านี้ แต่เราก็ไม่แคร์ถือว่าผ่านสายตาเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จะได้เชื่อว่าเรากับแฟนรู้จักกันจริง ๆ ) แล้วเจ้าหน้าที่ก็ตั้งคำถาม ถามเราเป็นชุด พร้อมกับมาร์ค โน่นนี่ บนแบบฟอร์มเฉพาะของเจ้าหน้าที่
ไปเยี่ยมใคร เพื่อน แฟน หรือ ครอบครัว (เราตอบแฟนค่ะ)
คบกันมานานเท่าไหร่, เจอกันเมื่อไหร่ , เจอกันที่ไหน  ---------- ขอไม่เขียนถึงนะจ๊ะ อิอิ
ปัจจุบันพักอยู่ที่ไหน ( สมุทรปราการค่ะ )
เคยไปยุโรปไม๊ (เคยค่ะ 2 ครั้ง) 
ไปที่ไหน ( ออสเตรีย และก็เยอรมันค่ะ)
ไปทำอะไร ( ไปเที่ยวค่ะ )
ขอวีซ่าอะไรไป ( ท่องเที่ยวค่ะ )
เป็นโสด หรือหย่า ( เป็นโสดค่ะ )
เคยแต่งงานไม๊ ( ไม่เคยค่ะ )
มีลูกไม๊ ( ไม่มีค่ะ )
ปัจจุบันทำงานอะไร ( ไม่ได้ทำค่ะ เพราะพอกลับจากทริปที่แล้ว ก็มีคนอื่นมาทำตำแหน่งที่เราทำแล้ว ยังไม่ทันอธิบายจบพี่แกไม่ยอมฟังเลยถามคำถามต่อไปเลย )
มีที่ดินไม๊ ( ไม่มีค่ะ )
คิดจะแต่งงานไม๊ ( ไม่คิดค่ะ )
เจอแฟนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ( อืม ... จำไม่ได้ต้องรำลึกแป๊บนึง เอ๊ะ เรากลับมาเมืองไทยเมื่อไหร่วะ อ้อ ... เดือน พค. ค่ะ เขามาส่งที่สนามบิน )
คุยกับแฟนเป็นภาษาอะไร ( อังกฤษค่ะ )
เคยเรียนภาษาเยอรมันไม๊ ( เราต้องตอบว่าเคย เพราะรู้มาว่าทางเกอเธ่ท์ส่งรายชื่อผู้ที่สอบ A1 ผ่าน ให้กับทางสถานทูต ตอนแรกเราว่าจะโกหกว่าไม่เคยเรียน เพราะกลัวว่าสถานทูตจะคิดว่าเราเรียนภาษาเยอรมันเพื่อเตรียมพร้อมจะแต่งงาน )
เรียนนานไม๊ ( เรียนเองคะประมาณครึ่งปีค่ะ เรียนไปเรื่อยๆ ไม่ได้รีบ )
เคยเทคคอร์สไม๊ ( เคยค่ะ - เข้าใจผิดนึกว่าถามถึงเคยสอบไม๊ )
ใช้เวลาเทคคอร์สนานแค่ไหน - ก็เลยทำให้เรานึกขึ้นได้ว่าเขาหมายถึงไปลงเรียนภาษาเยอรมัน เราเลยตอบว่า ไม่ได้ไปเทคคอร์สค่ะ เรียนเอง ทางเวบส์ไซด์ของม.รามคำแหงค่ะ
เคยสอบ A1 ไม๊ ( เคยค่ะ )
ผ่านไม๊ ( ผ่านค่ะ )
เคยวีซ่าไม่ผ่านไม๊ ( เคยค่ะ ครั้งล่าสุดไปขอวีซ่าที่สถานทูตสเปนค่ะ)
ทำไมไม่ผ่าน ( เค้าให้เหตุผลว่า ที่พำนักไม่น่าเชื่อถือค่ะ เราพูดพร้อมกับชูใบเหตุผลที่เราไม่ได้รับวีซ่าจากสถานทูตสเปน เราแนบไปให้แต่เจ้าหน้าที่ไม่เอา พร้อมกับพูดอธิบาย ( ไม่ว่าเจ้าหน้าที่ฟังหรือไม่แต่ก็จะอธิบาย อิอิ แต่ต้องพูดอย่างรวดเร็วเพราะกลัวพี่แกยิงคำถามต่อไป) ดิฉันไม่เข้าใจว่าทำไม ที่พำนักไม่น่าเชือถือ เพราะดิฉันจองโรงแรมออนไลน์ผ่านเวบส์ไซด์ของเอเจนซี่ )
แฟนเคยให้เงินใช้ไม๊ , ให้เท่าไหร่ ------ ขอไม่เขียนถึงนะจ๊ะ อิอิ
ไปวันไหน ( ไปวท. 1 กย. - 29 พย. ค่ะ)
ไปกี่วัน ( 90 วันค่ะ)
จะรับพาสปอร์ตเองหรือส่งทางไปรษณีย์ ( มารับเองค่ะ )  --- คำถามทุกคำถามเรากับแฟนฝึกซ้อมกันมาเป็นอย่างดี ว่าควรจะตอบว่าอะไรเพื่อเป็นประโยชน์ต่อตัวเราเองโดยอ้างอิงข้อมูลตามความ จริง ทำอย่างไงก็ได้ให้สถานทูตเชื่อว่าเราแค่ไปเยี่ยมแฟนจริงๆ ไม่ได้คิดที่จะไปแต่งงานที่โน่น หรือคิดจะหนีไปอยู่ที่โน่น แล้วไม่ยอมกลับเมืองไทย  แต่สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจในการตัดสินใจว่าจะให้วีซ่าเราหรือ ไม่ เพราะการอนุมัติวีซ่า มันไม่มีหลักเกณฑ์หรือมาตรฐานอะไรที่แน่นอนตายตัว ต้องอาศัยบุญเก่าของผู้ขอวีซ่าอย่างแท้จริง
                           แล้วเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าให้เราเอาเอกสาร 2 ใบ (ใบสีเหลือง ( นัดรับวีซ่า) และใบสีขาว ( ชำระค่าธรรมเนียม ) นี้ไปชำระวีซ่าที่เคาน์เตอร์ 2  เราก็ขอบคุณเจ้าหน้าที่ และก็เดินไปยังเคาน์เตอร์ 2   มาถึงเคาน์เตอร์ 2 เราก็ยื่นใบสีขาว เจ้าหน้าที่รับไปแล้วส่งกลับบอกว่า ให้กลับไปหาเจ้าหน้าที่ เคาน์เตอร์ 13 เพราะชื่อเราไม่ครบเกรงว่าใบเสร็จจะไม่สมบูรณ์ เราก็เดินกลับมายังเคาน์เตอร์ 13  บอกตามที่เจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ 2 บอก พร้อมยื่นเอกสารการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า(สีขาว)  เจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ 13 บอกว่าก็ครบนี่ครับ คุณชื่อ รัตนา หรือป่าว เราบอก ค่ะ เจ้าหน้าที่ถามเราต่อ แล้วคุณยื่นใบสีเหลืองไปด้วยหรือป่าว เราบอกป่าวค่ะ เค้าบอกให้ยื่นไปด้วย เราก็เดินกลับมายังเคาน์เตอร์ 2 ยื่นเอกสารทั้ง 2 ใบ ใยเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ 2 ดูในคอมพิวเตอร์แล้วบอกเราว่า ชื่อคุณในคอมพิวเตอร์ไม่ครบ ให้เจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ 13 รูดพาสปอร์ตอีกครั้ง เราก็เดินกลับมายังเคาน์เตอร์ 13อีก ก็บอกกับเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ 13 ตามที่เจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ 2 บอก ( โอ๊ย เดินหลายรอบ ชักเริ่มหงุดหงิด แต่ต่อหน้าเจ้าหน้าที่เราต้องทำหน้ายิ้ม แบบว่าไม่เป็นไรค่ะ ดิฉัน ทนได้ แต่ในใจคิด ต้องเดินอีกกี่รอบวะเนี่ย ทำไมไม่โทรศัพท์ติดต่อกันวะ )  เจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ 13 ก็เริ่ม งง เพราะพี่แกก็แน่ใจว่า คีย์ถูกต้อง แถมถามนามสกุลเราอีกรอบว่าใช่ไม๊ ซึ่งก็ถูกต้องทุกอย่าง จนในที่สุดเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ 13 บอกให้เราไปที่เคาน์เตอร์ 2 ได้เลย เราก็เดินไปยังเคาน์เตอร์ 2 ในเวลาเดียวกันเจ้าหน้า ที่เคาน์เตอร์ 13 ก็เดินไปหาเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ 2 เช่นกัน  ครบ 3 องค์ประชุม ( เรา เจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ 13 , 2 ) เจ้าหน้าที่ก็คุยกันเอง ปรากฏว่า สำเร็จ  เจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ 13 ยิ้มให้เราเป็นเชิงบอก เรียบร้อย เราก็ยิ้มตอบและพยักหน้าขอบคุณ  (แอบโล่งใจ นึกว่าต้องเดินอีกรอบ)   เราได้จ่ายค่าธรรมเนียม 2,400 บาท และได้รับไปเสร็จกลับบ้าน  วันที่มารับพาสปอร์ตคือวันที่ 30 สค. เวลา 9.00 - 10.00 น. เอ่อ ตั๋วเครื่องบินจองไว้ วันที่ 1 กย. รู้ผลวีซ่าวันที่ 30 สค. แล้วกรูจะเตรียมตัวทันเหรอเนี่ย บ้าแล้ว .... เป็นอันว่าต้องมองหาตั๋วใหม่                            

 ...... Yeah ปรากฏว่าได้วีซ่าค่ะ สถานทูตให้อายุวีซ่ามา 90 วันไม่ขาดไม่เกิน แถมตามเวลาที่ขอเดะ   หลังจากกลับจากเยอรมันต้องมารายงานตัวกับสถานทูตภายใน 5 วันด้วย ( ไม่มายด์อยู่แล้วเพราะกลับไทยแน่นอน ) อิอิ 

2 ความคิดเห็น: